วิธีเตรียมเอกสารในการ สมัครเรียนต่อต่างประเทศ
ขั้นที่ 1 เตรียมเลือกสาขา และ คณะที่สนใจ จะเริ่มกรอกข้อมูลกันแล้ว
ขั้นที่ 2 เข้าไปในเว็บไซต์ มหาวิทยาลัย ที่ต้องการเข้าสมัคร เลือกไปที่หัวข้อ How to apply ซึ่งส่วนนี้จะเป็นจุดที่ Office of
Admission หรือ หน่วยรับนักศึกษาของสถาบันและสำนักทะเบียนมาแจกแจงเงื่อนไข
และ คุณสมบัติของผู้สมัคร เช่น เกรด GPA วิชาที่ต้องเคยเรียนมาก่อน
>> เลือก มหาวิทยาลัย สะกดชื่อ Universityให้ถูกต้อง
>> เลือกคณะและสาขาที่เราชอบ Faculty / Major
ขอให้น้องดูด้วยว่าเราจะสมัครในระดับไหนจะได้อ่านถูกที่ Undergraduate จะหมายถึงการศึกษาระดับปริญญาตรี ส่วน Postgraduate จะหมายถึงการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอก มักใช้ในประเทศ อังกฤษ
แต่ในประทศสหรัฐอมริกา การศึกษาหลังปริญญาตรีจะใช้คำว่า Graduate ที่จริงแล้วคำว่า Postgraduate ก็คือ Graduate นั่นเอง เพียงแต่ 2 ประเทศ ใช้คำเรียกต่างกัน ส่วนพวกเราชาวไทยน่าจะคุ้นเคยกับ การเรียกชื่วุฒิไปเลยตรง ๆ
>> Bachelor Degree (ปริญญาตรี)
>> Master's Degree
(ปริญญาโท)
>> Doctoral Degree (ปริญญาเอก)
ขั้นที่
3
เงื่อนไขว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
มาถึงจุดนี้น้อง ๆ ต้องเข้าไปตรวจสอบเกณฑ์การรับนักเรียน นักศึกษา
ของหลักสูตรที่เราเล็งไว้ด้วย ส่วนมากเอกสารที่เตรียมจะเหมือนกัน แต่บางหลักสูตรอาจมีข้อกำหนดแตกต่างไปบ้างในรายละเอียด หรือ อาจให้เตรียมเอกสารบางอย่างเพิ่ม
สรูปว่า ให้ดูที่ office of admission และ Department หรือ แผนกที่เราจะสมัครควบคู่กัน
โดยปกติเอกสารประกอบใบสมัครจะมีดังนี้
เอกสารส่วนตัว เช่น สำเนา พาสปอร์ต
ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) คือ เอกสารแสดงเกรดคะแนนเฉลี่ยของทุกวิชา น้อง ๆ สามารถขอได้ที่สำนักทะเบียนของโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย ฉบับภาษาอังกฤษ ใช้ทั้งสมัครเรียนและสมัครงาน
ซึ่งทางสำนักทะเบียนจะมีแบบฟอร์มให้กรอก
ให้น้อง ๆ ระบุว่า เอาTranscript ภาษาอังกฤษแบบปิดผนึก
โดยมีตราประทับของสถานศึกษาอยู่ที่ซองด้วย
เพราะสถานศึกษาในต่างประเทศส่วนใหญ่จะกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า
ต้องมีตราประทับของสถานศึกษาอยู่ที่ชอง
แต่ถ้าไปงานนิทรรศการการศึกษาต่อต่างประเทศ
ซึ่งสถานศึกษามาเปิดรับสมัครนักเรียนตามบูธเลย ก็ให้น้องถ่ายสำเนาTranscript และเอกสารประกอบอื่น ๆ
ติดเผื่อไปด้วย เพราะการสมัครตาม บูธ กับเจ้าหน้าที่มักยืดหยุ่นในเรื่องกฎระเบียบมากกว่าปกติสามารถใช้สำเนาได้
ใบปริญญา อันนี้เป็นสำเนาเอกสารได้
หนังสือรับรอง (Letters of Recommendation ) จากผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น อาจารย์ หัวหน้าที่ทำงาน
คำถามมักจะเป็น เช่น ท่านรู้จักผู้สมัครมานานเพียงใด
รู้จักในฐานะอะไร รู้จักกันดีเพียงใด ท่านมองว่าอะไรคือจุดแข็งของผู้สมัคร ทำไมจึงจะเรียนจบ
มีวันที่ที่เขียน และระบุว่าเขียนถึง To whom it may concern, (ถึงท่านผู้เกี่ยวข้อง) และ ใช้กระดาษที่มีหัวกระดาษเป็นตราของ มหาวิทยาลัย หรือ หน่วยงานที่สังกัดอยู่
โดยมากหนังสือรับรองที่จะใช้ ยื่นให้เป็นหลักฐานได้จะกำหนดให้เป็นแบบปิดผนึกโดยลงลายมือชื่ออาจารย์ไว้ด้วย
(sealed and signed copies) ดังนั้น อย่าลืมขอให้อาจารย์ลงนามตรงบริเวณที่เราปิดซอง
SOP (statement of Purpose)