คนเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ต่างก็อยากให้ลูกได้เรียนที่ดีๆ ต้องการเลี้ยงดูให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ซึ่งก็จำเป็นต้องใช้เงินเยอะเลยทีเดียว ทั้งค่าเทอม ค่าอุปกรณ์ ค่าเรียนพิเศษ และค่าอื่นๆ
ที่ส่งเสริมศักยภาพของลูกรัก
บางครอบครัวอยากจะซัพพอร์ตตรงนี้เต็มที่แต่เงินที่มีก็ไม่ค่อยจะพอ
ดังนั้นวันนี้เราจึงมีวิธีออมเงินแม้จะต้องส่งลูกเรียนมาฝากกัน
เริ่มทำตอนนี้ยังไม่สายหากอยากสบายและมีสถานะการเงินที่แข็งแรง
อยากให้ลูกได้ อนาคตที่ดี
1. ให้ลูกสอบชิงทุน เดี๋ยวนี้มีหลากหลายสถาบันที่เปิดให้สอบชิงทุนการเรียนทั้งในและนอกประเทศ ดังนั้นควรปูพื้นฐานให้ลูกตั้งแต่เนิ่นๆ ในด้านทักษะต่างๆ โดยเฉพาะภาษาที่สามารถนำไปต่อยอดได้ การสอบชิงทุนเป็นอีกช่องทางในการลดค่าใช้จ่ายด้านการเรียนได้มากทีเดียว
2. ใช้วิธีออมเงินระยะสั้น หากเป็นครอบครัวที่มีภาระเยอะ แต่รายได้ไม่ได้มาก การออมเงินระยะสั้นเป็นทางออกที่ดี ลองเก็บเงินค่าใช้จ่ายสำหรับลูกล่วงหน้าหนึ่งภาคเรียน เช่น ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าเทอม เพื่อเอาไว้จ่ายในอนาคต ส่วนค่าขนมให้สร้างนิสัยออมของลูก โดยให้เงินเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน กะเกณฑ์ให้พอเหมาะ เป็นการฝึกวินัยการเงินไปในตัว
3. เก็บเงินระยะกลางเพื่อการเรียนโดยเฉพาะ เป็นอีกช่องทางของการออมแบบ LTF ซึ่งสามารถขายได้เมื่อครบ 5 ปี ถือเป็นการเก็บเงินระยะยาวที่ไม่ยาวเกินไป และไม่สั้นเกินไป ได้เงินก้อนสำหรับเป็นทุนการศึกษาของลูก แนะนำให้ซื้อไม่เกิน 15% เพื่อไม่ให้เกินสิทธิประโยชน์ด้านภาษี
อยากให้ลูกเรียนดี
อยากให้ลูกไปเรียนดี ๆ ที่ต่างประเทศ ต้องทำยังไง?
หลายบ้านมีความฝันว่าอยากให้ลูกได้ไปเรียนเมืองนอก เพราะเชื่อว่าโอกาสที่นั่นจะช่วยเปิดโลกให้กว้าง ได้ภาษา ได้เจอเพื่อนใหม่ และมีประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในไทย แต่พอคิดจริง ๆ ก็มักจะกังวลว่า “ไปแล้วลูกจะอยู่ได้ไหม จะเรียนดีรึเปล่า จะปรับตัวยังไง” วันนี้พี่เลยมาชวนคุยแบบสบาย ๆ ว่า ถ้าอยากให้ลูกไปเรียนแล้วอยู่รอด อยู่ดี และเรียนได้จริง ๆ ควรเริ่มตรงไหนบ้าง
1. เรื่องภาษามาอันดับแรก
จะไปอยู่เมืองนอก ยังไงก็หนีไม่พ้นต้องสื่อสารภาษาอังกฤษ (หรือภาษาของประเทศนั้น ๆ) พ่อแม่ช่วยลูกได้ตั้งแต่ตอนอยู่บ้านเลย ไม่ว่าจะเป็นให้เรียนเสริม พาเข้าค่ายภาษา หรือชวนดูหนัง ฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ยิ่งชินเร็ว ลูกก็จะยิ่งปรับตัวง่าย
2. ฝึกความรับผิดชอบตั้งแต่ยังอยู่บ้าน
ไปเมืองนอก ลูกต้องดูแลตัวเองทุกเรื่อง ทั้งเรื่องกินอยู่ เวลาเรียน หรือการใช้เงิน ถ้าเริ่มฝึกจากที่บ้านให้ลูกจัดการของใช้เอง เก็บห้องเอง หรือจัดตารางเวลาเอง พอไปจริงจะไม่ช็อกเกินไป
3. เปิดใจ กล้าลอง กล้าถาม
เรียนเมืองนอกไม่ได้มีแต่ในห้องเรียน แต่คือการเจอผู้คนและวัฒนธรรมใหม่ ๆ ถ้าลูกกล้าออกไปคุยกับเพื่อนใหม่ กล้าถามครู หรือเข้ากิจกรรมต่าง ๆ สิ่งที่ได้กลับมาจะเยอะกว่าความรู้ในตำราเยอะเลย
4. เลือกโรงเรียนให้ตรงกับลูก
ไม่จำเป็นต้องเลือกโรงเรียนที่ดังที่สุด แต่เลือกที่เหมาะกับลูกมากที่สุด ถ้าลูกชอบศิลปะก็ไปทางสายนี้ ถ้าชอบวิทย์ก็หาสถาบันที่เด่นเรื่องวิทยาศาสตร์ ที่สำคัญต้องดูว่าที่โรงเรียนนั้น ๆ มีการดูแลนักเรียนต่างชาติที่ดีหรือไม่ ลูกจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
5. เรื่องเงินก็สำคัญ
ค่าใช้จ่ายต่างประเทศไม่ใช่น้อย ต้องวางแผนทั้งค่าเทอม ค่าที่พัก ค่ากินอยู่ และควรมีเงินสำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน ถ้ามีทุนก็ช่วยได้เยอะ หรือถ้าไปประเทศที่ทำงานพิเศษได้บ้างก็นับว่าเป็นประสบการณ์ดี แต่พื้นฐานคือครอบครัวต้องเตรียมงบไว้ให้พร้อมก่อน
6. กำลังใจจากบ้านคือสิ่งที่ลูกต้องการที่สุด
ไม่ว่าลูกจะอยู่ไกลแค่ไหน ถ้ารู้ว่ายังมีพ่อแม่คอยเป็นที่พึ่ง คอยโทรหา คอยให้กำลังใจ เขาจะรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ บางทีคำพูดให้กำลังใจง่าย ๆ จากที่บ้านก็ช่วยให้เขาสู้ต่อได้ในวันที่รู้สึกเหนื่อยหรือเหงา